เปิดประวัติจุดต้นกำเนิดวงการ ฟุตบอลทีมชาติไทย

ฟุตบอลทีมชาติไทย ทุกวันนี้ หวยสด เชื่อว่าไม่มีใครที่ไม่รู้จักกีฬาสากลอย่าง “ฟุตบอล” ที่ได้มีการจัดแข่งกันตั้งแต่ในระดับโรงเรียนไปจนถึงระดับชาติ ซึ่งกีฬาชนิดนี้ก็ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากสำหรับเยาวชนที่ใฝ่ฝันอยากจะกลายเป็นนักเตะประจำทีมชาติในอนาคต และอีกทั้งยังเป็นหนึ่งในกีฬาที่มีผู้ติดตามมากที่สุดในโลกอีกด้วยครับ ในบทความนี้ เว็บแทงไม่อั้น จะมาพูดถึงประวัติความเป็นมาของฟุตบอลในประเทศไทยที่เราเองเชื่อว่าใครหลาย ๆ คนอาจจะยังไม่รู้จัก

ความเป็นมาที่ทำให้มี ฟุตบอลทีมชาติไทย ในทุกวันนี้

เริ่มต้นในช่วงปี พ.ศ. 2443 – 2444 เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี (สนั่น เทพหัสดิน ณ อยุธยา) หรือเป็นที่รู้จักในนามปากกาว่า “ครูเทพ” ซึ่งเป็นผู้แปลกติกาฟุตบอลและนำมาเผยแพร่ในประเทศไทยครั้นท่านยังดำรงตำแหน่ง เสนาบดีกระทรวงธรรมการ แต่ทว่า ด้วยเสียงตอบรับของกีฬาฟุตบอลภายในประเทศช่วงแรกๆนั้น ไม่ได้ดีดั่งที่หวังเอาไว้ มีบางกลุ่มวิจาร์ณว่าฟุตบอลเป็นกีฬาที่ไม่เหมาะกับการเล่นหรือจัดแข่งขันในเมืองร้อนอย่างสยาม แต่เป็นกีฬาที่เหมาะกับประเทศที่มีอากาศเย็น อีกทั้งยังมีความตื่นตระหนกเกี่ยวกับความอันตรายซึ่งอาจเกิดขึ้นได้กับนักแข่งและผู้ชม แต่เมื่อเวลาได้ล่วงเลยผ่านไป ผู้คนก็เริ่มหันมายอมรับกีฬาฟุตบอลกันมากขึ้น

จากประวัติที่ทาง หวยสด ได้ทราบมาเมื่อวันเสาร์ที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2443 ได้มีการจัดการแข่งขันฟุตบอลอย่างเป็นทางการครั้งแรกของประเทศไทย ณ สนามหลวง ซึ่งในอดีตเป็นสถานที่เอาไว้ใช้ออกกำลังกาย การแข่งขันฟุตบอลคู่แรกของประวัติศาสตร์ไทยเกิดขึ้นระหว่าง “ชุดบางกอก” กับ “ชุดกรมศึกษาธิการ” จบลงด้วยคะแนนเสมอกันไป 2 ประตูต่อ 2

ซึ่งในปีต่อมา ครูเทพได้ทำการตีพิมพ์ “หนังสือวิทยาจารย์” ขึ้นมาในปี พ.ศ. 2444 ซึ่งเนื้อหาประกอบไปด้วยกฎกติกาฟุตบอลที่อ้างอิงมาจากกติกาของฟุตบอลสากล โดยในขณะเดียวกันนั้น ท่านก็ได้มีการจัดการแข่งขันฟุตบอลนักเรียนครั้งแรกอย่างเป็นทางการ โดยมีการใช้กฎกติกาสากลในการนับคะแนน อยู่ภายใต้โครงสร้างการแข่งแบบแพ้คัดออก (Single elimination) ซึ่งการแข่งขันครั้งนี้ได้ถูกดำเนินการโดยกรมศึกษาธิการ มีจำนวน 9 ทีมเข้าร่วมในการแข่งขัน และจำกัดนักแข่งเพียงแค่นักเรียนชายที่อายุไม่เกิน 20 ปี

และในปี พ.ศ. 2451 อดีตนักเตะมืออาชีพชาวอังกฤษ “อี.เอส.สมิธ” ได้มาดำรงตำแหน่งนั่งเป็นกรรมการฟุตบอลในไทย และตัดสินนัดเตะสำคัญๆอยู่หลายต่อหลายนัด อีกทั้งยังได้เผยแพร่กติกาการแข่งขันและวิธีการเล่นที่ทันสมัยยิ่งขึ้น

วิวัฒนาการของฟุตบอลไทย

ในปี พ.ศ. 2453 ทางกรมศึกษาธิการได้ทำการประกาศเปลี่ยนโครงสร้างการแข่งขันฟุตบอลไทย โดยเริ่มต้นที่ผ่านมาจะใช้วิธี “การแข่งแบบแพ้คัดออก” (Single elimination) แต่ได้เปลี่ยนมาเป็นระบบการแข่ง “แบบพบกันหมด” (Round robin) ซึ่งทำการประยุกต์ใช้วิธีนับคะแนนแบบแคนาดา (Canadian system) ซึ่งก็คือ ทีมที่ชนะจะได้ 2 คะแนน ทีมที่เสมอจะได้ 1 คะแนน และทีมที่แพ้จะได้ 0 คะแนน

ในปี พ.ศ. 2458 ทางกรมศึกษาธิการได้มีการพัฒนาวิธีการเล่นฟุตบอล วิธีจัดการแข่งขัน การตัดสิน และมีการประยุกต์ใช้กติกาฟุตบอลสากลให้เป็นที่ยอมรับกันมากขึ้น จึงทำให้คนไทยสามัญชนจนรวมไปถึงพระบรมวงศานุวงศ์และพระองค์รัชกาลที่ 6 ทรงได้ให้ความสนใจกีฬาฟุตบอลและทรงจัดการแข่งขันฟุตบอลประเภทสโมสรเป็นครั้งแรก ภายใต้ชื่อ “การแข่งขันฟุตบอลถ้วยทองของหลวง” ซึ่งเป็นการแข่งขันระหว่างทีมทหาร ตำรวจ และเสือป่า

โดยต่อมาในปี พ.ศ. 2459 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ตั้ง “สมาคมฟุตบอลแห่งสยาม (ส.ฟ.ท)” และได้ใช้ชื่อภาษาอังกฤษว่า “The Football Association of Thailand Under The Patronage of His Majesty The King” ซึ่งในปัจจุบันถูกย่อมาใช้คำว่า (FA Thailand) 

ในปี พ.ศ. 2499 ทางสมาคมฟุตบอลแห่งสยาม ได้สิทธิ์ส่งทีมฟุตบอลชาติไทยเพื่อเข้าร่วมการแข่งขัน “กีฬาโอลิมปิก” ครั้งที่ 16 ณ นครเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย เป็นครั้งแรกของทีมชาติไทย แต่ก็ผ่ายแพ้ให้กับทีมชาติสหราชอาณาจักรไปด้วยคะแนน 0 ประตูต่อ 9

หลังจากนั้นช่วงปี พ.ศ. 2539 ทางสมาคมฟุตบอลแห่งสยามได้ทำการจัดแข่งขันฟุตบอลระดับอาชีพในระบบลีกขึ้นมา โดยมีการเปลี่ยนชื่ออยู่หลายต่อหลายครั้งคือ ไทยแลนด์ซอกเกอร์ลีก (Thailand Soccer League), ไทยแลนด์พรีเมียร์ลีก (Thailand Premier League), ไทยลีก (Thai League) และไทยพรีเมียร์ลีก (Thai Premier League) แต่เนื่องจากการแข่งขันฟุตบอลระดับอาชีพในระบบการแข่งแขันแบบลีกนั้นถูกจัดขึ้นแค่เพียงในกรุงเทพมหานคร จึงทำให้เกิดความยากลำบากในการเข้าถึงสำหรับผู้ชมที่อยู่ด้านนอกกรุงเทพมหานคร จึงเป็นเหตุทำให้การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) และทางสมาคมฟุตบอลแห่งสยาม ได้ร่วมมือกันแก้ไขปัญหานี้โดยให้มีการจัดแข่งขันฟุตบอลอาชีพระบบลีกในส่วนภูมิภาค (Provincial League) ในตอนปี พ.ศ. 2542

ต่อมาในปี พ.ศ. 2545 ทาง กกท. ได้ทำการย้ายการแข่งขันไปร่วมกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ภายใต้ชื่อ โปรเฟสชันนัลลีก (Professional League) ซึ่งในระดับชั้นสูงสุดมีจำนวน 18 สโมสรที่เข้าร่วม และในปี พ.ศ. 2549 ทางสโมสรฟุตบอลชลบุรี และ สโมสรฟุตบอลสุพรรณบุรีจากโปรเฟสชันนัลลีกสูงสุด ได้เข้ามาอยู่ในไทยแลนด์พรีเมียร์ลีก หลังจากนั้นต่อมาในปี พ.ศ. 2550 กกท. ได้สั่งให้ปิดโปรเฟสชันนัลลีกสูงสุด และทำการจัดแบ่งสโมสรในลีกให้ไปเข้าแข่งขันกับไทยแลนด์พรีเมียร์ลีกและไทยลีกดิวิชัน 1 แทนตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

นอกจากนี้แล้ว ประเทศไทยก็ได้มีโอกาสเป็นเจ้าภาพการแข่งขันฟุตบอลครั้งสำคัญอยู่หลายครั้งเช่น ฟุตบอลเอเชียเยาวชน เอเชียนคัพ ฟุตบอลโลกหญิงเยาวชน ฟุตบอลเอเชียหญิง เอเชียนเกมส์ และซีเกมส์อีกด้วยครับ ซึ่งในแต่ละรายการนั้นทาง ฟุตบอลทีมชาติไทย ของเราได้มีส่วนร่วมในการแข่งขันด้วยเช่นกัน สำหรับวันนี้ แทงไม่อั้น คงต้องขอตัวลาไปก่อน กลับมาพบกันได้ใหม่ในบทความหน้า สวัสดีครับ

หวยสด เป็นเว็บแทงหวยออนไลน์ ที่พร้อมไปด้วยหวยออนไลน์นานาชนิด พร้อมเกมออนไลน์ ที่เอาไว้คอยให้บริการลูกค้า พร้อมอัตราจ่ายที่คุ้มค่าต่อเงินทุกบาท ทุกสตางค์ที่ลงทุน เรามีเกมออนไลน์มากกว่า 200 ชนิด และหวยออนไลน์มากกว่า 50 ชนิด ไม่ว่าจะเป็น หวยไทย หวยฮานอย หวยลาว หวยหุ้นออนไลน์ ที่มีให้เลือกเล่นได้ตามใจชอบของท่านผ่านเว็บไซต์ของเราตลอด 24 ชั่วโมง